วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สถานที่ Countdown ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

              นี่ก็ใกล้จะถึงปีใหม่เข้ามาทุกทีแล้ว ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมในช่วงปีใหม่ ก็คงหนีพ้นพ้นการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ซึ่งหลายๆท่านคงมีแผนมีสถานที่ซึ่งจะไปร่วมส่งท้ายปีอยู่ในใจบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่มีโปรแกรม หรือยังลังเลอยู่ วันนี้สวนหรรษาของเราขอเอาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับกิจกรรม Countdown ส่งท้ายปี มาให้ทุกท่านได้ตัดสินใจกัน เพื่อเสพความสุขกันให้เต็มที่ส่งท้ายปีนี้กันเลย


Bangkok Countdown 2013

              งานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย และยังติดอันดับที่ 1 ใน10 ของโลกที่คนนิยมมากที่สุดด้วย โดยจะจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2556 นับเป็นสถานที่เคาท์ดาวยอดฮิตประดับประดาด้วยต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ และตุ๊กตาต่างๆมากมาย โดยไฮไลท์ที่สำคัญของงาน จะมีกิจกรรมบนเวทีมากมาย และคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยม อาทิเช่น Tattoo Color, Slot Machine, Richman Toy, ศิลปินจากเดอะสตาร์ และเอเอฟ เป็นต้น งานนี้รับประกันความมันสะใจต้อนรับส่งท้ายปีนี้แน่นอน


งาน Countdown หอนาฬิกาเทศบาลเชียงราย

              งานเฉลิมฉลองส่วท้ายปี 2555 ที่น่าจะสวยงานปละประทับใจไม่แพ้ที่อื่นๆ จะจัดขึ้นที่หอนาฬิกาเทศบาลเมืองเชียงราย พบกับบรรกาศของความหนาว และการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างกลองสะบัดชัย การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงสุดอลังการจากทั้ง 4 ภาค และยังมีการแสดงแสงสีเสียง รวมถึงคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำต่างๆ ซึ่งจะมาสร้างความประทับใจให้กับคุณข้ามปีกันเลยทีเดียว
              สอบถามรายละเอียดได้ที่ เทศบาลนครเชียงราย โทร 053-711333


The Grand Pattaya Countdown 2013

              ร่วม Countdown ข้ามปี ได้ที่แหลมบาลีฮาย จังหวัดชลบุรี โดยท่านจะได้พบกับศิลปินชั้นนำจากเมืองไทยมากมายที่จะผลัดเปลี่ยนกันมาให้ความสุขส่งท้ายปี โดยงานจะจัดขึ้น 7 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2555 ถึง วันที่ 1 มกราคม 2556 ณ แหลมบาลีฮาย พัทยา
              สอบถามรายละเอียดได้จาก Call Center Pattya city โทร 1137


เทศกาลท่องเที่ยว ปลายฝนต้นหนาว รับตะวันก่อนใครในสยาม

              งานเทศกาลท่องเที่ยว ปลายฝนต้นหนาว รับตะวันก่อนใครในสยาม เชิญชวนท่านท่องเที่ยว สัมผัสอากาศหนาว และรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันปีใหม่ก่อนใครๆในประเทศไทย ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดนงานจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2555 ถึง วันที่ 1 มกราคม 2556 โดยไฮไลท์สำคัญ จะมีงานพิธีต่อแสงตะวัน ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม รวมทั้งไปร่วมชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร และร่วมทำบุญตักบาตร ณ ผาชะนะได
              สอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี โทร 045-5243770


Hua Hin Countdown 2013

              อีกหนึ่งสถานที่ฌฉลิมฉลองส่งท้ายที่ ซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นสีสันให้เห็นกันทุกปี โดยทุกท่านจะได้สัมผัสกับความมีนข้ามปีจากเหล่าศิลปิน ดาราคับคั่ง พร้อมด้วยกิจกรรมเล่นสนุกชิงรางวัลมากมาย โดยงานจะจัดขึ้นที่ ศูนย์การค้า Hua Hin Market Village อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 งานจะเริ่มตั้งแต่ 18.30 น. เป็นต้นไป
              สอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร 032-513885


สถานที่ท่องเที่ยว Countdown ที่น่าสนใจที่อื่นๆ


  • Colorful Phuket Countdown ที่จังหวัดภูเก็ต
  • งานอัมพวารื่นเริงเฉลิงศกใหม่ 2556 ที่อัมพวา สมุทรสงคราม
  • Khaokor Countdown Music Festival ที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
  • งานปาตี้ แฟนตาซีเรืองแสง ที่หน้าเซ็นทรัล จังหวัดขอนแก่น
  • งาน Countdown  มุกดารการ ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดมุกดาหาร
  • งานมหกรรมอาหาร และพิษณุโลก Countdown ณ ตัวเมืองจังหวัดพิษณุโลก 



วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันหยุดราชการ/ธนาคาร ปี 2556

              นี่ก็ใกล้จะถึงวันขึ้นปีใหม่เข้าไปทุกทีแล้ว หลายๆคนคงได้โอกาสหยุดยาว ไปอยู่กับครอบครัว หรือได้มีโอกาสหยุดพักไปเที่ยวพักผ่อนหาความสุขให้กับชีวิตกันให้เต็มที่เลยทีเดียว หลังจากตรากตรำทำงานกันมาทั้งปี ส่วนในปี 2556 ที่จะมาถึงนี้ สำหรับคนที่ชอบวางแผนล่วงหน้า สวนหรรษาขอนำเสนอวันหยุดในปี 2556 มาให้ทุกท่านวางแผนเที่ยงพักผ่อนกันเต็มที่ เรียกได้ว่า ถ้าวางแผนดีๆ ได้หยุดยาวกันเต็มๆหลายช่วงเลยทีเดียว

 วันที่
 วันหยุด
 ราชการ
 ธนาคาร
 เดือนมกราคม
 วันอังคารที่ 1 มกราคม  วันขึ้นปีใหม่  หยุด  หยุด
 เดือนกุมภาพันธ์
 วันจันทน์ที่ 25 กุมภาพันธ์  วันมาฆบูชา  หยุด  หยุด
 เดือนมีนาคม
 -  -  -  -
 เดือนเมษายน
 วันเสาร์ที่ 6 เมษายน  วันจักรี
 วันจันทน์ที่ 8 เมษายน  ชดเชยวันจักรี  หยุด  หยุด
 วันเสาร์ที่ 13 เมษายน  วันสงกรานต์
 วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน  วันสงกรานต์
 วันจันทน์ที่ 15 เมษายน  วันสงกรานต์  หยุด  หยุด
 วันอังคารที่ 16 เมษายน  ชดเชยวันสงกรานต์  หยุด  หยุด
 เดือนพฤษภาคม
 วันพุทธที่ 1 พฤษภาคม  วันแรงงานแห่งชาติ  -  หยุด
 วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม  วันฉัตรมงคล
 วันจันทน์ที่ 6 พฤษภาคม  ชดเชยวันฉัตรมงคล  หยุด  หยุด
 วันจันทน์ที่ 13 พฤษภาคม  วันพืชมงคล  หยุด  -
 วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม  วันวิสาขบูชา  หยุด  หยุด
 เดือนมิถุนายน
 -
 เดือนกรกฎาคม
 วันจันทน์ที่ 1 กรกฎาคม วันหยุดครึ่งปีธนาคาร   -  หยุด
 วันจันทน์ที่ 22 กรกฎาคม  วันอาสาฬหบูชา  หยุด  หยุด
 วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม วันเข้าพรรษา   หยุด  -
 เดือนสิงหาคม
 วันจันทน์ที่ 12 สิงหาคม  วันแม่แห่งชาติ  หยุด  หยุด
 เดือนกันยายน
 -
 เดือนตุลาคม
 วันพุทธที่ 23 ตุลาคม  วันปิยะมหาราช  หยุด  หยุด
 เดือนพฤศจิกายน
 -
เดือนธันวาคม 
 วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม  วันพ่อแห่งชาติ  หยุด  หยุด
 วันอังคารที่ 10 ธันวาคม  วันรัฐธรรมนูญ  หยุด  หยุด
 วันอังคารที่ 31 ธันวาคม  วันสิ้นปี  หยุด  หยุด

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทความดีๆ: คุณจะเลือกทางไหน

ในโลกทุกวันนี้ มีเรื่องราวต่างๆที่ต้องการการตัดสินใจมากมาย บ้างก็ถูก บ้างก็ผิด ปะปนกันไป วันนี้สรวญหรรษาอยากจะนำเสนอบทความดีๆ ไว้ให้ท่านผู้อ่านเป็นแง่คิด สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบันครับ

คุณจะเลือกทางไหน

มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน
ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้
คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา
 และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม
เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน
และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ

ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน
เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้


เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก
บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป
ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สกู๊ปพิเศษ: วันสิ้นโลก โลกาพินาศ

              ช่วงนี้กระแสโลกไซเบอร์ที่มาแรงอันดับต้นๆของโลกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงอย่างหนาหูมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่อง วันสิ้นโลก โลกาพินาศ โดยสาเหตุหลักที่มีการพูดถึงกันอย่างมากมายในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นภาพยนต์เรื่อง 2012 ซึ่งมีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับวันสิ้นสุดของมนุษยชาติ โดยอ้างอิงมาจากเค้าโครงความเชื่อของชนเผ่าโบราณในอดีต นั่นคือ ชนเผ่ามายัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนต์เรื่องนี้เป็นเหตุให้คนหันมาสนใจเรื่องโลกแตกมากขึ้น 
              
              แต่ทำไมต้องเป็น วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ? วันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายัน โดยเชื่อกันว่า ชนเผ่ามายัน ในสมัยโบราณนั้นมีความสามารถในการคิดคำนวณปีทางสุริยคติได้อย่างแม่ยยำที่สุด โดยปฏิทินที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็มีต้นกำเนิดมาจากชนเผ่ามายันนี่เอง ซึ่งทำให้เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทำไมปฏิทินถึงสิ้้นสุดแค่นั้น วันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือพวกเขาแค่คำนวณผิดไป ซึ่งในตอนนี้ก็มีหลายกระแสด้วยกัน โดยทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ ดาวนิบิรุ

              มันคือดาวปริศนา ซึ่งว่ากันว่าเป็นดาวดวงที่ 12 ของระบสุริยะจักรวาลของเรา แต่ความจริงแล้ว เราได้รู้จักดาวดวงนี้ดันมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1982 แล้ว โดยเส้นทางการเดินทาง วงโคจรของดาวนุบิรุนั้น ดันมาทับเส้นกับวงโคจรของโลกเรา ทำให้มันมีโอกาสที่จะชนกับโลกของเราได้อยู่เหมือนกัน โดยแต่เดิม ดาวดวงนี้ไม่ได้อยู่ในกาแลคซี่ของเรา แต่ทุกวันนั้นมันโคจรเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

              สาเหตุที่ดาวนิบุรุ เกี่ยวข้องกับ วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ก็คือมีบางกระแสบอกว่าดาวนุบิรุนั้นเป็นดาวฤกษ์ และมีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อดาวดวงนี้โคจรเข้ามาใกล้ ย่อมเกิดปัญหาแน่ โดยว่ากันว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 นี้ จะเป็นวันที่ดาวนุบิรุ โลก และดวงอาทิตย์ โคจรเข้ามาอยู่ในตำแหน่งเป็นเส้นตรง ระนาบเดียวกันพอดี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความปั่นป่วนแก่สนามแม่เหล็กของโลก และเหตุการณ์ภัยพิบิติขึ้นหลายอย่าง ทั้งสึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ซึ่งอาจนำมาสู่จุดจบของโลกใบนี้ได้ในที่สุด

              ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากเกิดเหตุกาณ์นี้ อาจจะเกิดพายุสุริยะตามมา เนื่องจากสนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งชนเผ่ามายันอาจจะสามารถคำนวณถึงดาวนิบุรุนี้ได้ จึงได้ทำปฏิทินของพวกเขาไว้แค่นั้น

              แต่ถ้าท่านเชื่อในศาสนาพุทธก็อย่าห่วงไปเลย เพราะพระพุทธเจ้าได้เคยตรัสเอาไว้ว่า ศาสนาพุทธจะมีอายุถึง 5000 ปี หลังจากนั้นก็จะเสื่อมไปในตัวของมันเอง ดังนั้น อย่ากังวลไปเลยครับ แต่เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นคติเตือนใจสำหรับการใช้ชิวิตในปัจจุบันได้อีกในแง่หนึ่งเลย บางคนกังวลถึงกับขายทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดทิ้ง บ้างก็ลาออกจากงาน เพื่อไปใช้ชีวิตปั้นปลายอย่างมีความสุข ผมว่ามันสะท้อนถึงชีวิตของคนเราในปัจจุบันเลยล่ะ ว่าเรามีความสุขกันแค่ไหน ทำความดีมามากพอหรือยัง

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ท่องเที่ยว: หาดเจ้าหลาว จันทบุรี

-->
              หาดเจ้าหลาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ของจังหวัดจันทบุรี โดยตั้งอยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรีไป 17 กิโลเมตร จุดเด่นของหาดเจ้าหลาวนั้นอยู่ที่ หาดทรายสีขาวนวล น้ำทะเลที่ใสสะอาด ประกอบกับท้องฟ้าสีคราม อากาศที่สดชื่นบริสุทธิ์ ประกอบกับบรรยากาศโดยรอบซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง และน่าใจไม่แพ้กันอย่าง หาดคุ้งวิมาน หาดคุ้งกระเบน และหาดแหลมเสด็จอีก ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างพากันแวะเวียนมาเที่ยวที่หาดเจ้าหลาวอยู่เสมอ




การเดินทาง

              การเดินทางไปเที่ยวหาดเจ้าหลาวนั้น ไม่ยากเลย โดยสามารถเข้าได้ 2 เส้นทาง คือ เดินทางจามถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร พอถึงกิโลเมตรที่ 301 จะมีแยกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวง 3399 หลังจากนั้นก็ไม่ยากแล้วครับ ท่านจะพบป้ายบอกทางไปยังชายหาดต่างๆอยู่เป็นระยะๆ สะดวกต่อผู้ที่ยังไม่เคยมาอย่างยิ่ง ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ เดินทางจากตัวเมืองจันทบุรี ไปยังอำเภอท่าใหม่ ต่อด้วยเส้นทางไปเขื่อนวังโตนด ซึ่งจะมีป้ายบอกทางเช่นเดียวกัน ท่านก็จะไปถึงหาดเจ้าหลาวได้ไม่ยากเช่นกัน



ที่พักและอาหาร

              เรื่องอาหาร ผู้ที่จะมาท่องเที่ยว ณ หาดเจ้าหลาวนั้น หมดห่วงไปได้เลย เนื่อจากบริเวณหาดเจ้าหลาวนั้น มีร้านอาหารคอยให้บริการลูกค้าเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน โดยมีเพิงสำหรับให้นั่งรับประทานริมชายหาด โดยมีบริการเสิร์ฟถึงที่กันเลยทีเดียว อาหารก็ราคาไม่แพงมากนัก ดังนั้นรับประกันได้เลยว่า ได้เที่ยวอย่างอิ่มหมีพลีหมันกันเลยทีเดียว




              ส่วนเรื่องที่พักก็ไม่จำเป็นต้องห่วงไป บริเวณรอบๆหาดนั้น ก็มีทั้งบ้านพัก หรือรีสอร์ทให้ท่านเลือกเข้าพักเยอะแยะมากมาย มีหลายหลายราคาด้วยกัน เรียกได้ว่า มีตั้งแต่เกรดระดับหรูหรา จนถึงราคาประหยัดสำหรับคนต้องการเที่ยวแบบพอเพียงกันเลย


แนะนำสถานที่ท่องเทียวอื่นๆ ที่น่าสนใจในจันทบุรี
  •  หาดคุ้งกระเบน
  • อุทยานแห่งชาติแหลมสิงห์
  • วัดเขาสุกิม
  • อุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฏ









วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการสอบใบขับขี่รถยนต์ ภาคปฏิบัติ

           หลังจากที่มีรถยนต์ป้ายแดงออกมาวิ่งเกลื่อนถนนไปหมด สืบเนื่องมาจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล จึงส่งผลให้งานชุกมากขึ้นเลยทีเดียวสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่ง เนื่องจากมีเจ้าของรถยนต์ป้ายแดงรายใหม่มาขอสอบใบอนุญาติขับขี่รายใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับสมัยก่อนแล้ว เดี๋ยวนี้การขอใบอนุญาติขับขี่นั้นยุ่งยากขึ้นมาก โดยเฉพาะการสอบในภาคปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว ซึ่งผู้มาสอบใบขับขี่รายใหม่แต่ละคน คงจะกังวล แต่เต้นเต้นกับการสอบภาคปฏิบัตินี้ไม่น้อย

           แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้ สวนหรรษา ของเรา ขอนำเสนอ เทคนิคการสอบ ภาคปฏิบัติเพื่อขอใบขับขี่รถยนต์ ให้กับท่านทั้งหลาย ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ที่จะสอบใบขับขี่หลายๆท่านสบายใจขึ้นได้ไม่มากก็น้อย



ท่าสอบปฏิบัติเพื่อขอใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ มีท่ามาตรฐานที่จะต้องสอบอยู่ 3 ท่าด้วยกัน ได้แก่
  1. ท่าเดินหน้า ถอยหลังตรง
  2. ท่าถอยหลังเข้าจอด
  3. ท่าจอดรถเทียบทางเท้า
          โดยแต่ละท่าจะมีเทคนิคสำคัญๆอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย GO GO


1. ท่า เดินหน้า ถอยหลังตรง

           ท่า เดินหน้า ถอยหลังตรง ถือว่าเป็นท่าสอบปฏิบัติเพื่อขอในอนุญาติขับขี่รถยนต์ที่ไม่ยาก แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกัน บางครั้งผู้มาสอบหลายคนติดประมาท ทำให้สอบตกท่านี้ ต้องเสียเวลามาสอบใหม่ก็มีเหมือนกัน ดังนั้น อย่าประมาทเด็ดขาด





หลักเกณฑ์การสอบท่า เดินหน้า ถอยหลังตรง

           เดินหน้าและถอยหลังรถของคุณตรงๆ ในช่องทางที่เจ้าหน้าที่ได้กำหนดไว้ โดยที่รถต้องไม่ชนกับสิ่งกีดขวาง

          1. เดินหน้ารถของคุณเข้าไปในช่องทางที่เจ้าหน้าที่คุมสอบกำหนดไว้ให้ โดยต้องพยายามแต่งรถของคุณให้ตรง หลังจากนั้นให้เดินหน้าตรงๆ ช้าๆไปจอดยังจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้

          2. หลังจากนั้นให้ถอยหลังตรงๆ ช้าๆ มาจอดยังจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ เมื่อทำสำเร็จแล้วให้ขับรถออกไปได้ เท่านี้ก็ผ่านฉลุยแล้ว สำหรับท่านี้

*ข้อควรระวังของการสอบท่านี้ก็คือ ต้องพยายามตั้งรถให้ตรง มิเช่นนั้น รถของคุณอาจจะชนกับสิ่งกีดขวางด้านข้างได้ โดยให้เดินรถไปอย่างช้าๆ*


2. ท่า ถอยหลังเข้าจอด

          ท่านี้ เป็นการทดสอบทักษะในการถอยหลังเข้าจอดรถ โดยที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งอาจจะเป็นท่าที่ยากสำหรับผู้ที่ยังขาดความชำนาญในการจอดรถ ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องการกะระยะ แต่เราก็มีเทคนิคสำหรับสอบผ่านท่านี้ได้โดยง่าย ซึ่งถ้าปฏิบัติตามเทคนิคนี้แล้ว การสอบผ่านท่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป




หลักเกณฑ์การสอบท่าถอยหลังเข้าจอด

          ถอยหลังเข้าจอดในพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่กำหนดไว้ให้ (ล้อรถอยู่ในเส้น) และรถของคุณ ต้องไม่ชนกับสิ่งกีดขวางเด็ดขาด โดยในขณะที่สอบ สามารถเปลี่ยนเกียร์เดินหน้า-ถอยหลังได้ไม่เกิน 7 หน




          1. เดินรถขนานไปกับเส้น ให้ล้อหลังของรถคุณ ตรงกับเสาต้นที่ 3 ดังภาพด้านบน โดยพยายามให้ระยะห่างระหว่างรถกับเสาน้อยที่สุด



         
           2. หมุนพวกมาลัยไปทางซ้ายให้สุด แล้วใส่เกียร์ถอยหลังเข้าไปช้าๆ โดยให้มองที่กระจกด้านขวาของรถ เมื่อเห็นเสาในกระจกครบทั้ง 3 ต้น (เสาต้นที่ 4, 5 และ 6) แล้ว ให้หยุดรถ

          3. คืนพวงมาลัยกลับมาให้ตรง แล้วถอยหลังเข้ามา ให้หัวรถด้านซ้ายตรงกับเสาต้นที่ 3 แล้วให้หยุดรถ



          4. หมุนพวกมาลัยไปทางขวาให้สุด ถอยหลังเข้าไปช้าๆ จนตัวรถเข้าไปอยู่ในเส้นทั้งหมด และขนานเป็นแนวเดียวกับเส้น โดยระหว่างถอย ให้มองกระจกข้างด้านซ้าย และกระจกมองหลัง เพื่อระวังไม่ให้รถไปชนกับสิ่งกีดขวางเสียก่อน ซึ่งหากคิดว่าจะถอยไม่พ้นสิ่งกีดขวาง อย่าฝืน ให้เดินหน้า แต่งรถได้ตามสมควร แต่ต้องระวังไม่ให้เปลี่ยนเกียร์เดินหน้า-ถอยหลังเกิน 7 ครั้งฃ
          เมื่อตัวรถเข้าไปอยู่ในเส้นทั้งหมด และขนานเป็นแนวเดียวกับเส้น ก็เท่ากับว่า เราสอบผ่านท่านี้แล้ว ซึ่งหากปฏิบัติตามเทคนิคนี้แล้ว การสอบผ่านท่านี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก



3. ท่า จอดรถเทียบทางเท้า

           ในบรรดาท่าสอบปฏิบัติเพื่อขอใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ทั้ง 3 ท่านั้น ท่านี้ ถือได้ว่าเป็นท่าที่หินที่สุดในบรรดาทั้ง 3 ท่าเลยก็ว่าได้ เพราะในบรรดาผู้ที่สอบปฏิบัติเพื่อขอใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ไม่ผ่าน และต้องมาขอสอบซ่อม ส่วนมากก็มีสาเหตุจากการสอบตกท่านี้มากที่สุดในบรรดาทั้ง 3 ท่า ขนาดคนขับรถแท็กซี่ซึ่งขับรถเก่งๆบางคนยังสอบตกท่านี้เยอะพอสมควร เรียกได้ว่าเป็นท่าปราบเซียนกันเลยทีเดียว




หลักเกณฑ์การสอบท่าจอดรถเทียบทางเท้า

           บังคับรถของคุณ เข้าจอดเทียบกับฟุตบาท โดยให้ล้อรถทั้ง 2 ล้อของคุณ เหยียบอยู่บนเส้นสีขาวที่กำหนดไว้ โดยที่ล้อไม่ชนกับขอบฟุตบาทให้ได้


 

           1. บังคับรถเอียงไปทางซ้ายเข้าหาฟุตบาท  โดยกะระยะให้ล้อหน้าของรถเหยียบกับเส้นสีขาวที่กำหนดไว้ให้ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังพอสมควร เพราะถ้าเดินรถเข้าไปลึกเกินไป ล้อรถจะชนกับขอบฟุตบาทได้

           2. เมื่อล้อหน้าของรถเหยีบกับเส้นสีขาวที่กำหนดไว้ให้แล้ว ให้หมุนพวงมาลัยกลับมาทางขวา  โดยค่อยๆไล่ให้ล้อหลังของรถเข้ามาเหยียบเส้นสีขาวที่กำหนดไว้ (โดยในขั้นตอนนี้ อาจจะอาศัยการมองกระจกข้างของรถช่วย เพื่อให้เห็นว่าล้อหลังของรถเข้ามาเหยียบบนเส้นสีขาวแล้ว)
           เมื่อล้อหลังของรถคุณ เข้ามาเหยียบบนเส้นสีขาวแล้ว ให้หมุนนพวงมาลัยรถกลับมาให้ตรง โดยข้อควรระวังของขั้นตอนนี้ก็คือ หากเดินรถกลับมาทางขวามากเกินไป ล้อหน้าของรถคุณอาจจะหลุดออกจากเส้นสีขาวได้


           3. เมื่อหมุนพวงมาลัยกลับมาตรงแล้ว ให้เดินรถไปด้านหน้าตรงๆ หากคิดว่าล้อหน้าของคุณไม่เหยียบเส้นให้ปรับแต่งได้ตามพอสมควร แล้วเดินหน้าไปจอด ณ บริเวณที่กรรมการสอบกำหนดเอาไว้
           *ทริกการสังเกตุที่สำคัญสำหรับขั้นตอนนี้คือ หากเดินรถไปข้างๆตรงๆแล้ว ล้อหลังของคุณยังเหยียบอยู่บนเส่นขาวอยู่ ก็แสดงว่าล้อหน้าของคุณก็กำลังเหยียบอยู่บนเส้นขาวเช่นเดียวกัน*

           เท่านี้ก็ถือว่าผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับท่าสอบปฏิบัติทั้ง 3 ท่า ซึ่งหวังว่าจะเป็นแนวทางเล็กๆน้อยสำหรับผู้ที่ต้องการจะขอใบอนุญาติขับขี่รถยนต์นะครับ ที่สำคัญคือต้องหมั่นฝึกซ้อมด้วยนะครับ วันสอบจริงจะได้สอบผ่านแบบฉลุยๆไปเลย 
           สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคน พิชิตใบอนุญาติขับขี่รถยนต์มาครองให้ได้นะครับผม


ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่ แบบต่างๆ>>>

คู่มือการสอบใบขับขี่รถยนต์ ภาคปฏิบัติ>>>


วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สูตรขนมโตเกียว ง่ายๆ ทำเองได้

วันนี้สรวลหรรษาของเรา เอาสูตรการทำขนมโตเกียวง่ายๆมาฝาก รับรองว่าใครๆก็สามารถทำเองได้อย่างแน่นอน

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเคล็ดลับความอร่อยของขนมโตเกียวนั้นอยู่ตรงที่แป้งเป็นสำคัญเลย ดังนั้นในขั้นแรก เรามาเตรียมส่วนผสมทำหรับทำแป้งขนมโตเกียวกันก่อน

-->
ส่วนผสมของแป้งขนมโตเกียว
  1. แป้งสาลี 1 กิโลกรัม
  2. นมสด 1 กระป๋อง
  3. น้ำตาลทราย 6 ขีด
  4. ไขไก่ 10 ฟอง
  5. ผงฟู 3 ขีด
  6. เกลือป่น 1 ขีด
  7. วนิลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. เนย 1 ขีด
  9. น้ำเปล่า 1
ส่วนผสมเยอะพอสมควรเลย หลังจากเตรียมส่วนผสมดังกล่าวเรียบร้อย เราก็มาเริ่มทำขนมโตเกียวกันเลย GO

วิธีทำแป้งขนมโตเกียว
  1. ขั้นตอนแรก ต้องร่อนแป้งก่อน โดยนำแป้งสาลีมาร่อนรวมกับผงฟู หลังจากนั้นให้ตั้งพักไว้
  2. นำไข่ไก่มาตี และค่อยๆผสมน้ำตาลทรายลงไปให้เข้ากันจนหมด ตีต่อไปเรื่อยๆและให้ใส่เกลือผสมลงไป
  3. นำแป้งที่ร่อนเตรียมไว้ค่อยๆผสมลงไปทีละนิด โดยคนสลับกับเทนมสดลงเรื่อยๆจนหมด
  4. ใส่เนยละลาย วนิลา และน้ำที่เตรียมไว้ลงไป แล้วนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วตั้งพักไว้อีกประมาณ 20 นาที
เท่าที้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับแป้งขนมโตเกียวสุดแสนจะหอมหวาน

หลังจากที่เราได้แป้งพร้อมสำหรับทำขนมโตเกียวแล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปก็คือ ไส้ขนมโตเกียวนั่นเอง

ไส้ขนมโตเกียวที่เรารู้จักกันตามท้องตลาดในปัจจุบันนี้ ก็มี
  1. ไส้กรอก
  2. ไส้ไข่ (ไข่นกกระทา)
  3. ไส้ครีม
ซึ่งไส้กรอก กับไส้ไข่ (ไข่นกกระทา) คงจะไม่ยากเกินที่จะทำเองได้นะครับ แต่ที่ยากหน่อยจะเป็นไส้ครีม ซึ่งมีส่วนผสมและวิธีการทำที่ค่อนข้างละเอียดนิดนึง

ส่วนผสมของไส้ครีม
  1. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  2. แป้งข้าวโพด 6 ช้อนโต๊ะ
  3. นมข้น 1 กระป๋อง
  4. เนย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำ 1 ถ้วย
  6. เกลือป่่น 1/2 ช้อนชา
  7. วนิลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำไส้ครีม
  1. ละลายแป้งข้าวโพด กับน้ำ และนมข้นที่เตรียมไว้ และยกขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  2. พอส่วนผสมแล้วร้อนแล้ว ให้นำไข่ไก่ที่ตีไว้ใส้ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
  3. เติม เนย เกลือ และวนิลาที่เตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน ให้สังเกตุ พอส่วนผสมจับตัวกันได้ ก็ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ให้ยกลงจากเตาได้
เท่านี้เราก็จะได้ครีมสำหรับทำขนมโตเกียวแล้ว เห็นไหมครับว่าไม่ยากเลย ใครๆก็สามารถทำเองได้


สูตรอื่นๆ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภารกิจพิชิตรถคันแรก


ช่วงนี้หากมองไปในท้องถนนที่เต็มไปด้วยการจราจรติดขัด เราอาจจะเห็นรถยนต์ป้ายแดงเกลื่อนถนนไปหมด สาเหตุหนึ่งก็มาจากโครงการรถคันแรก ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนมีรถยนต์มาไว้ในครอบครองได้ง่ายขึ้น  ดังนั้น สรวลหรรษาของเรา จึงขอนำเสนอวิธีพิชิตรถคันแรกเอามาไว้ในครอบครอง


1. คุณสมบัติและเงื่อนไขต่างๆ


1.1 ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
         - เป็นบุคคลที่ไม่เคยครอบรถยนต์มาก่อน วันที่ 16 กันยายน 2554
         - จะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
 
1.2 คุณสมบัติรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ
         - รถยนต์นั่งที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ซีซี.
         - รถยนต์กระบะ pick up
         - รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
         - เป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเท่านั้น และมีราคา ไม่เกิน 1,000,000.00 บาท
         - ไม่ใช่รถประกอบจากชิ้นส่วนเก่า

         - ประเภทของรถยนต์ และจำนวนเงินที่ได้คืน
                  - รถยนต์นั่ง คลิ๊กที่นี่
                  - รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (Double Cab) คลิ๊กที่นี่
                  - รถกระบะ (Pickup) คลิ๊กที่นี่

1.3 โดยมีเงื่อนไขการขอคืนเงินภาษีรถคันแรก
         - จะต้องเป็นการชื้อรถในวันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เท่านั้น
         - การคืนเงินเมื่อมีการครอบครองครบ 1 ปี
         - จำนวนเงินที่คืนไม่เกินค่าภาษีที่เสียไว้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

         - ผู้ซื้อจะต้องครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวไม่น้อยกว่า 5 ปี หากไม่สามารถ จะต้องคืนเงินภาษีดังกล่าวให้กับกรรมสรรพสามิต


 2. เอกสารประกอบการยื่นแบบขอคืนเงินภาษีรถคันแรก
                - สำเนาบัตรประชาชน
                - สำเนาทะเบียนบ้าน
                - สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (กรณีเช่าซื้อ)
                - สำเนาคู่มือการจดทะเบียน

                - หลักฐานการซื้อขายรถยนต์

                - แบบคำขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก   คลิ๊กที่นี่
                - แบบหนังสือยินยอมสละสิทธิ์ในการโอนรถยนต์คันแรก คลิ๊กที่นี่


*ต้องยื่นเอกสาร หลักฐานดังกล่าว ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555*



3. การยื่นเอกสารขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก (สำหรับผู้ที่รับรถไม่ทันภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555)


ขั้นตอนที่ 1 ยื่นขอใช้สิทธิ์ และเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ผู้มีสัญชาติไทย)

สำเนาทะเบียนบ้าน

สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี)

สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิ์

ใบจองรถ


ขั้นตอนที่ 2 นำเอกสารหลักฐาน มายื่นเพิ่มเติม ภายในระยะเวลา 90 วัน นับถัดจากวันรับมอบรถ ดังนี้

-  หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถคันแรก

สำเนาหลักฐานการซื้อขายรถ

- สำเนาคู่มือจดทะเบียน


*รถที่ได้รับมอบจะต้องตรงกันกับที่ระบุในใบจองทุกประการ*



4.สถานที่ยื่นขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่......ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา... ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

- สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นแบบ ณ.

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1  (สำนักงานอยู่ที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร)

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 (สำนักงานอยู่ที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร)

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3  (สำนักงานอยู่ที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร)

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4  (สำนักงานอยู่ที่ อาคาร เล้า เป้ง ง้วน 1 ซอยเฉยพ่วง  แขวงจอมพล เขตจตุจักร)

- สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5  (สำนักงานอยู่ที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร)



5. เมื่อดำเนินการยื่นเอกสารแล้ว สรรพสามิตก็จะดำเนินการ ดังต่อไปนี้ >>>


6. เมื่อได้รับการตรวจสอบสิทธิแล้ว จะได้รับหนังสือแจ้งผลการได้รับสิทธิจากสรรพสามิต ดังตัวอย่าง


7. การได้รับเงินคืน
                 - จะได้รับเงินคืน เมื่อมีการครอบครองรถเกิน 1 ปีไปแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
                 - หากมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ให้ผู้ซื้อแจ้งเปลี่ยนที่อยู่แก่สรรพสามิตด้วย

*สำคัญ 
ผู้ซื้อจะต้องครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวไม่น้อยกว่า 5 ปี หากไม่สามารถ จะต้องคืนเงินภาษีดังกล่าวให้กับกรรมสรรพสามิต*


สำหรับผู้ที่ต้องการรถคันแรกตามโครงการของรัฐบาล ก็คงต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ เพราะช่วงนี้ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถตามโครงการนี้ ก็ขอให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนนะครับ ยังไงก็ขออย่าให้เป็นภาระเกินกว่าที่ตนเองจะรับไหวก็แล้วกันนะ