วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อาร์ต อิน พาราไดซ์ พิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ: พัทยา

           อาร์ทอินพาราไดซ์พัทยา (Art in Paradise pattaya) เป็น พิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Mr.shin jae yeoul โดยการทุ่มทุนถึง 60 ล้านบาท เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดประทับใจ ให้นักท่ิองเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศสมจริง และสนุกสนานกับการถ่ายภาพกับจิตรกรรม 3 มิติ ทั่วทั้งส่วนต่างๆของพิพิธภัณฑ์ งานนี้เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆสำหรับนักท่องเทียวที่ชอบการถ่ายภาพ และความแปลกใหม่ เหมาะสมกับทุกกลุ่ม ทุกวัยจริงๆ


           ในพิพิธภัณฑ์มีพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร ซึ่งถูกแบ่งเป็นห้องแสดงงานต่างๆ 10 ห้อง โดยในแต่ละห้องจะมีสไตล์การจัดแสดงภาพต่างๆแตกต่างกัน  ดังนี้

           1.ห้องลวงตา
           2.ห้องใต้สมุทร
           3.ห้องสัตว์ป่า
           4.ห้องภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับโลก
           5.โถงอารยธรรม
           6.ห้องศิลปะเหนือความจริง
           7.ห้องไดโนเสาร์
           8.ห้องน้ำตกใน
           9.ห้องนิทรรศการศิลปะ
           10.ห้องวิวทิวทัศน์


           ซึ่งในทุกๆ ห้อง ท่านสามารถเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด และสร้างสรรค์จินตนาการ โพสท่าเพื่อถ่ายภาพได้อย่างอิสระเสรี ได้แบบที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว



ที่ตั้ง : 
78/34 หมู่ 9 ถนนพัทยาสาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
โทร : 
038-424-500
แฟ็กซ์ : 
  038-424-588
ราคาบัตร
ต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท
เด็ก 300 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม.) 
คนไทย ผู้ใหญ่ ราคา 150 บาท 
เด็ก 100 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม.)
เปิดบริการ : 
ทุกวัน 09.00 - 21.00 น.
หยุดขายบัตรเวลา 20.00 น.


แผนที่การเดินทางไปอาร์ทอินพาราไดซ์พัทยา








วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เส้นทางสู่ข้าราชการ: สำหรับผู้ที่จะสอบบรรจุเป็นข้าราชการ

           นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ อาชีพข้าราชการ ก็ยังเป็นอาชีพที่หลายๆคนใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น เพราะเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงทางด้านชีวิตในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ฐานะ ทางสังคม สิทธิต่างๆที่ได้รับมากกว่าอาชีพอื่น และมีความก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น สวนหรรษาของเราจึงขอนำเสนอเส้นทางสู่อาชีพข้าราชการ เพื่อแนะนำแนวทางให้สำหรับคนที่อยากจะเป็นข้าราชการ ว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง จึงจะสามารถเป็นข้าราชการได้ ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่า เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการจะเป็นข้าราชการจำนวนมาก เมื่อเทียบกับตำแหน่งข้า่ราชการที่มีจำนวนน้อยแล้ว ท่านจึงจำเป็นต้องสอบแข่งขันกับคนอีกจำนวนมากทีเดียว ซึ่งการสอบเข้าเป็นข้าราชการนั้นมีขั้นตอบและลำดับ ดังต่อไปนี้

1. การสอบ ภาค ก. ใบผ่านทางสู่อาชีพข้าราชการ

           ก่อนอื่นเลย สำหรับผู้ที่จะสอบเป็นข้าราชการได้นั้น จำเป็นจะต้องผ่านการสอบ ภาค ก. ซึ่งเป็นเหมือนใบผ่านทางสู่อาชีพนี้ ท่านที่อยากเป็นข้าราชการจึงจำเป็นต้องผ่านการสอบ ภาค ก. นี้ก่อน ซึ่งโดยปกติแล้ว สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. จะจัดการสอบ  ภาค ก. นี้ขึ้น ปีละ 1 ครั้ง โดยจะรับสมัครกันในช่วงพฤษภาคมของทุกปี โดยจะรับสมัครออนไลน์ทางเว็บไซต์ โดยท่านต้องติดตามข่าวสารให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะต้องรอไปอีกปีหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งวุฒิที่ใช้วนการสมัครสอบนั้น มีตั้งแต่ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง อนุปริญญา ปริญญาตรี ปริญญาโท ซึ่งทาง ก.พ ได้รับรองไว้


ตัวอย่าง ประกาศรับสมัครสอบ ภาค ก.>>>


           ลักษณะของการสอบ ภาค ก. นั้น จะเป็นการทดสอบความรู้ความสมารถทั่วไป โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มวิชาด้วยกัน คือ
           1.วิชาความสามารถทั่วไป เป็นการทดสอบความสามารถด้านคิดคำนวน และ ความสามรถด้านการใช้เหตุผล
           2.วิชาภาษาไทย เป็นการทดสอบความเข้าใจในภาษา และการใช้ภาษา

โดยตัวอย่างข้อสอบ ภาค ก. สามารถดูได้ที่นี่ >>>

           ซึ่งหลักเกณฑ์ในการสอบผ่านภาค ก. นั้น ท่านจะต้องสอบได้คะแนนรวมของทั้ง 2 วิชาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของทั้งหมด และ เมื่อท่านผ่านการสอบ ภาค ก. ก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผ่านการสอบ ภาค ก. และสำนักงาน ก.พ. จะส่งหนังสือรับรองการสอบผ่าน ภาค ก. ให้ท่านทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ที่ท่านได้แจ้งไว้ ซึ่ง หนังสือรับรองการสอบผ่าน ภาค ก. นี้เอง ที่ท่านจะนำไปใช้สมัครสอบแข่งขันบรรจุเป็นข้าราชการของหน่วยงานราชการต่างๆ โดยสามารถใช้ได้ตลอดไป จนกว่า สำนักงาน ก.พ. จะประกาศยกเลิก

           นอกเหนือจากนี้ ยังมีบางหน่วยงาน ที่จัดการสอบ ภาค ก. เอง โดยไม่ใช้การสอบภาค ก. ของสำนักงาน กพ. อยู่เหมือนกัน

2. การสอบ ภาค ข. สอบเข้ารับราชการในหน่วยงานต่างๆ

           สำหรับการสอบภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข.)   เมื่อท่านได้ผ่านการสอบ ภาค ก. แล้ว ก็เท่่ากับว่าท่านได้รับอนุญาติให้สมัครเข้าสอบแข่งขั้นเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการของหน่วยงานราชการต่างๆได้ ซึ่งท่านต้องติดตามข่าวสารต่างๆให้ดี ว่าหน่วยงานไหนเปิดรับสมัครบ้าง ตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งท่านจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติของท่านให้ดี ว่าสามารถสมัครตำแหน่งนั้นได้หรือไม่ จะได้ไม่เสียเที่ยว ดังนั้น จะขอจัดประเภทของการสอบภาค ข. เป็น 2 ประเภท ดังนี้

           1.สำนัก กพ. เปิดสอบ ส่วนกลาง โดยประเภทนี้ สำนักงาน กพ. จะเป็นผู้ดำเนินการจัดสอบภาค ข. เพื่อนำมาขึ้นบัญชีไว้ที่ส่วนกลาง ไว้ให้หน่วยงานราชการต่างๆมาขอใช้บัญชี

           2.หน่วยงานราชการ เปิดสอบเอง โดยหน่วยงานราชการที่ไม่พึงประสงค์ที่จะข้อใช้บัญชี้กลางจาก สำนักงาน กพ. จะขอดำเนินการจัดสอบเอง ซึ่งมีหลากหลายมาก

           สำหรับการสอบภาค ข. นั้นเป็นการสอบทางภาคทฤษฎี ซึ่งเนื้อหาการสอบจะเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่ท่านสมัครต่างๆกันไป เช่น ถ้าท่านสมัครนักทรัพยากรบุคคล เนื้อหาการสอบ ก็จะเกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคล และกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าท่านสมัครตำแหน่งอื่น เนื้อหาการสอบก็จะเปลี่ยนไปตามตำแหน่งนั้นๆ เป็นต้น

           สำหรับหลักเกณฑ์ในการสอบผ่านภาค ข. นั้น ส่วนใหญ่จะยึดถือเอาที่ ร้อยละ 60 เช่นเดียวกับการสอบ ภาค ก. แต่ก็มีบางหน่วยงานเหมือนกันที่มาตรฐานสูงกว่านี้ โดยเมื่อท่านผ่านการสอบภาค ข. นี้หน่วย ท่านก็จะได้รับการเรียกตัวจากหน่วยงานนั้น เพื่อดำเนินการสอบภาค ค. (สัมภาษณ์) ต่อไป


3. การสอบ ภาค ค. ด่านสุดท้าย สำหรับการสอบ

           การสอบภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค.) หรือ การสัมภาษณ์ ผู้ที่ผ่านการสอบภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข.)  นั้นจะได้รับเรียกจากหน่วยงานนั้นๆให้เข้ารับการสอบ โดยคณะกรรมการสัมภาษณ์ที่หน่วยงานนั้นๆ จัดตั้งขึ้น โดยคำถามสัมภาษณ์จะเป็นการทดสอบความรู้ ทัศนคติ ไหวพริบ อุปนิสัย บุคลิก ว่าท่านเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ หรือไม่ โดยคำถามสัมภาษณ์ที่แต่ละผู้สัมภาษณ์ต้องพบเจอ อาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสัมภาษณ์

           สำหรับหลักเกณฑ์ในการสอบผ่านภาค ค นั้น ส่วนใหญ่จะยึดถือเอาที่ ร้อยละ 60 เช่นเดียวกัน แต่ก็มีบางหน่วยงานเหมือนกันที่มาตรฐานสูงกว่านี้เหมือนกัน

4. ขึ้นบัญชี ผู้ผ่านการสอบคัดเลือก รอเรียกบัญชี เข้ารับการบรรจุ

           เมื่อท่านผ่านการสอบคัดเลือกดังที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้รับการขึ้นบัญชีเป็นผู้ผ่านการสอบคัดเลือก รอเรียกบัญชี เข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการต่อไป โดยจะเรียงลำดับจากผู้ที่ได้คะแนนสูงที่สุดลงมา ดังนั้นหากหน่วยงานที่ท่านสอบ มีตำแหน่งว่างในครั้งแรกแค่ 2 ตำแหน่ง แต่ท่านสอบได้ลำดับที่ 5 ท่านก็มีความจำเป็นจะต้องรอจนกว่าอันดับการบรรจุจะมาถึงท่าน ซึ่งจะนานหรือจะช้า ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานนั้นๆมีตำแหน่งว่างมากแค่ไหน  โดยทั่วไปแล้วบัญชีเผู้ผ่านการสอบคัดเลือก จะมีอายุ 2 ปี ซึ่งถ้าเลยกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านยังไม่ได้รับการบรรจุ บัญชีของท่านจะถูกทำการยกเลิกไป เพื่อเปิดสอบใหม่ ดังนั้นลำดับการขึ้นบัญชีจึงมีความสำคัญมากๆเช่นเดียวกัน ท่านมีความจำเป็นจะแต่งสอบแข่งขั้นกับคนอื่นๆ ทำคะแนนการสอบให้ได้สูงๆ เพื่อลำดับที่ดีที่สุด

           จากที่กล่าวท่ืั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่ประสงค์จะสอบเข้ารับราชการ ซึ่งถือได้ว่ามีอัตราการแข่งขันสูง และเป็นงานหินพอสมควรเลยทีเดียว แต่ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน ขอให้ทุกท่านพยายามอย่างสุดความสามารถ สักวันหนึ่ง ผลนั้นจะตอบสนองท่านได้เป็นข้าราชการดังหวังแน่นอน และก็ได้แต่หวังว่า เมื่อท่านทั้งหลายบรรจุแล้ว จะเป็นข้าราชการที่ดี ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างใสสะอาด ไม่คดโกง เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไปนะจ๊ะ

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แนวข้อสอบ ภาค ก สำนักงาน กพ. 2556

         ในที่สุด ก็ได้กำหนดเวลาเวียนครบมาบรรจบอีกครั้งแล้ว สำหรับการสอบ ภาค ก. ของสำนักงาน กพ. ประจำปี 2556 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกสำหรับใบเบิกทางสู่เส้นทางอาชีพสายข้าราชการ ที่ผู้ที่ต้องการจะเป็นข้าราชการต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ดังนั้นในวันนี้สวนหรรษาของเรา จึงนำแนวข้อสอบ ภาค ก. มาฝาก ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆคนไม่มากก็น้อย

ข้อสอบชุดแรกที่นำมาฝาก เป็นของอาจารย์เป้ ชลสิทธิ์ ประกอบด้วย


แนวข้อสอบ ภา ก. ที่น่าสนใจ อื่นๆ

เครดิต http://www.tlcthai.com

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีทำเทียนหอม ของชำร่วยง่ายๆที่คุณก็ทำเองได้

              สำหรับการจัดงานสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน หรืองานรื่นรมย์ สิ่งที่ขาดแทบจะไม่ได้เลยก็คงจะเป็นของชำร่วย ของที่ระลึกการจัดงาน ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน เพื่อให้ได้จดจำสิ่งดีๆเหล่านี้ไปนานเท่านาน

              โดยของชำร่วย ของที่ระลึกที่กำลังฮิตติดอันดับอย่างหนึ่งเลยก็คือ "เทียนหอม" ซึ่งมีออกมาในรูปแบบ และลักษณะต่างๆมากมาย ซึ่งเป็นของชำร่วยที่ง่ายๆ ผู้จัดงานเองก็สามารถจัดหา หรือจัดทำเองเลยก็ไม่ยากเกินความสามารถ

              วันนี้ สวนหรรษาของเราจึงขอนำเสนอวิธีทำเทียนหอมง่ายๆ เพื่อให้ท่านได้นำไปทำเป็นของชำร่วย ของที่ระลึกสำหรับการจัดงานต่างๆ ขอบอกเลยว่างานนนี้ "ไม่ยากก"

-->
วัสดุหลักที่สำคัญในการทำเทียนหอม

              1.พาราฟิน 1 กิโลกรัม
              2.บีแว็กซ์ 1 ขีด
              3.เทียนเหนียว 1 ขีด
              4.สีผสมเทียน
              5.ไส้เทียน
              6.หัวน้ำหอมกลิ่มที่ท่านต้องการ
              7.แม่พิมพ์รูปร่างต่างๆที่ท่านต้องการ

หลังจากที่จัดหาวัตถุดิบที่สำคัญต่างๆเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถเริ่มทำเทียนหอมได้แล้วครับ

วิธีทำเทียนหอม

              1. นำแผ่นพาราฟินใส่หม้อขึ้นตั้งไฟละลาย โดยใช้ความร้อนปานกลาง ซึ่งหม้อที่ใช้ควรเป็นหม้อ 2 ชั้น เพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป
              2. ใส่บีแว็กซ์ และทียนเหนียวที่เตรียมไว้ลงไป และเคี่ยวจนละลายเข้ากันได้ดี
              3. ใส่สีที่ท่านได้เตรียมไว้ลงไปผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นให้ยกลงจากเตา ใส่หัวน้ำหอกกลิ่นที่ท่านโปรดปรานลงไป
              4.หลังจากนั้นให้หยอดเทียนใส่ลงในแม่พิมพ์รูปร่างต่างๆที่ท่านได้เตรียมไว้ รอให้เทียนเย็นลงเล็กน้อยจึงใส่ไส้เทียนลงไป
              5.รอให้เทียนแข็งตัวแล้วจึงแกะออกจากแม่พิมพ์ หลังจากนั้นก็ตกแต่งเทียนตามที่ท่านต้องการได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการกรีดผิวเทียน หรือตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆให้สวยงามขึ้นก็ได้

              ที่กล่าวมาดังข้างต้นนี้ เป็นเพียงขั้นตอนหลักๆของการทำเทียนหอมเท่านั้น หลังจากนี้คงขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ทำ ที่จะคิดประยุกต์ สร้างสรรค์เทียนออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ ที่แปลกใหม่ และสวยงาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ท่านสามารถสร้างสรรค์ขึ้นได้ด้วยตนเอง

              เท่านี้เราก็จะสามารถทำเทียนหอมสำหรับใช้เป็นของชำร่วย ของที่ระลึกในการจัดงานต่างๆ หรือเป็นของขวัญง่ายๆ ที่คุณก็สามารถทำเองได้แล้วครับ

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีขอผู้ชายแต่งงาน

ทุกๆวันนี้ สัดส่วนระหว่างผู้หญิงและผู้ชายดูจะต่างกันมากขึ้นทุกที ผู้หญิง ผู้ชายดีๆ ตรงใจ ตรงสเป๊กก็หายาก จึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้คนเราจะหันมาเป็นโสด ไม่แต่งงานกันมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ผู้ชายแท้ ดีๆ ตรงใจเรานั้น มันหายากเสียนี่กระไร ดังนั้น ตอนนี้จึงได้เวลาเปิดโลกทัศน์ใหม่แล้ว การขอผู้ชายแต่งงาน จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอีกต่อไป วันนี้สวนหรรษาของเราจึงนำคลิปของสาวใจกล้าคนนี้มาฝาก ไปดูกันเลยดีกว่าว่า เธอมีวิธีขอผู้ชายแต่งงานอย่างไรบ้าง งานนี้มีเซอร์ไพร์แน่นอน

 

ความรักนั้นไร้ขอบเขต และไร้กฏเกณฑ์ มันจึงไม่ผิดหรอก หากเราจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก เพราะความรักนั้น ย่อมสวยงามเสมอ.....

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

สูตรข้าวเกรียบปากหม้อง่ายๆ ทำเองได้

วันนี้สรวลหรรษาของเรา เอาสูตรการทำข้าวเกรียบปากหม้อง่ายๆมาฝาก รับรองว่าใครๆก็สามารถทำเองได้อย่างแน่นอน

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเคล็ดลับความอร่อยของข้าวเกรียบปากหม้อนั้นอยู่ตรงความลงตัวของแป้งและไส้เป็นสำคัญเลย ดังนั้นเราไปดูวิํีธีการเตรียมแป้งและไส้กันก่อนเลยดีกว่า
-->

ส่วนผสมของแป้ง

1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
2. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
3. แ้ป้งเท้ายายม่ิอม 1 ช้อนโต๊ะ (แป้งซึ่งทำมาจากหัวหรือรากของต้นเท้ายายม่อม)
4. น้ำเปล่า 3 ถ้วย

ทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ

เมื่อเตรียมส่วนผสมดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วก็มาเริ่มทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อกันเลย ซึ่งวิธีทำ ให้นำทั้งแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแ้ป้งเท้ายายม่ิอม ซึ่งได้เตรียมไว้เทผสมกันลงไป แล้วค่อยๆ เทน้ำลงไป นวดแป้งไปเรื่อยๆ จนกว่าแป้งจะเหนียว เท่านี้ก็ได้แป้งไว้สำหรับทำข้าวเกรียบปากหม้อแล้ว


เมื่อได้แป้งแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นตัวตัดสินความอร่ิอยของข้าวเกรียบปากหม้อก็คือไส้นั่นเอง ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยากอีกเช่นกัน

ส่วนผสมของไส้ข้าวเกรียบปากหม้อ

1. เนื้อหมู สับให้ละเอียด 2 ขีด
2. ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ 3 ขีด
3. ไชโป๊วสับละเอียด 3 ขีเ
4.หอมแดง 10 หัว (นำมาสับละเอียด)
5. น้ำตาลปี๊บ 1 ขีด
6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไส้ข้าวเกรียบปากหม้อ

1. ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน และนำหมูสับละเอียดที่เตรียมไว้ไปผัดให้สุก
2. ใส่หอมแดง กับไชโป๊วที่ได้เตรียมไว้ลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน
3. เมื่อเข้ากันดีแล้วให้เทน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ซึ่งจะทำให้มีรสชาติออกหวานเค็ม โดยอาจปรับปริมาณน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาได้ เพื่อให้ได้รสชาติที่ท่านโปรดปราน
4. ใส่ถัวลิสงคั่วบดหยาบลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใช้ไฟอ่อนๆ ผัดไปเรื่อยจนไส้จับตัวเป็นก้อนเดียวกัน ก็เป็นอันสำเร็จ

เมื่อได้เตรียมไส้กับแป้งพร้อมแล้ว เราก็พร้อมที่จะเริ่มทำข้าวเกรียบปากหม้อแสนอร่อยกันซักที

วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ

1. นำผ้าขาวบางมาแช่น้ำ จนผ้าอิ่มน้ำ แล้วนำมาผูกไว้กับปากของหม้อนึ่ง แล้วนำมาตั้งไฟให้น้ำเดือด
2. เทแป้งที่ได้เตรียมไว้ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้ทัพพีเกลี่ยแป้งให้ทั่วผ้าขาว เป็นแผ่นบาง  หลังจากนั้นให้ปิดฝาไว้ รอแป้งสุก
3. เมื่อแป้งสุกแล้ว (สังเกตได้จาก สีจะใสๆ) ก็ให้ปั้นแป้งเป็นก้อนวางลงไป (วางลงไปตรงกลาง)
4. หลังจากใส่ไส้แล้ว ให้ปาดแป้งให้มาคลุมใส้ให้มิด เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยกับข้าวเกรียบปากหม้อ 1 ชิ้น พร้มตักใส่จานพร้อมผักเคียง

เป็นไงบ้างครับ ไม่ยากเลยใช่ไหม สำหรับการทำข้าวเกรียบปากหม้อแสนอร่อย ซึ่งใครๆก็สามารถนำไปทำเองที่บ้านได้อย่างแน่นอน


สูตรอื่นๆ

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"ด้ายแดง" สื่อรักแห่งพรหมลิขิต


ก่อนอื่น ต้องขอบอกว่าสุขสันต์วันวาเลนไทน์นะจ๊ะ ในวันแห่งความรักวันนี้ สวนหรรษาขอเราขอนำเรื่องเล่าดีๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักและพรหมลิขิตมาให้ทุกท่านได้ซึ้งกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว เรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า "ด้ายแดง"


ด้ายแดง

              ....ในหลายๆ ความเชื่อเกี่ยวกับความรัก และคู่ชีวิต  มีความเชื่ออยู่อันนึงที่เชื่อว่า.. คู่ชีวิตที่แท้จริง จะมีด้ายสีแดงผูกที่นิ้วก้อยข้างซ้ายเชื่อมกันไว้    รอจนวันนึงด้ายสีแดงนี้จะนำให้เขาทั้งสองมาพบกัน   และรักกันในที่สุด..

.....หลายๆ คนอาจจะเชื่อ แต่คงไม่เชื่อมากเท่าผมแน่ๆ..   เพราะผมเห็น...   เห็นด้ายสีแดงที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของผม.. ด้ายที่ผูกติดตัวมาตั้งแต่จำความได้.. ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าปลายอีกข้างนึงของมัน จะผูกติดกับใคร นั่นแหละคือสาเหตุที่ผมเดินทางหาปลายอีกด้านนึงของมัน  เด็กหนุ่มคนนึงที่ต้องการตามหาสิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เค้าตามหาจะอยู่ไกลขนาดไหน.. และไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่.. แต่เค้าก็เริ่มเดินทาง.. การเดินทางไปตามด้ายสีแดงตรงปลายนิ้วก้อย..การเดินทางที่รู้ทางเดิน.. แต่ไม่รู้จุดหมาย.. .....ผมเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ที่ด้ายสีแดงของผมพาดผ่าน. ได้พบ ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่มีทางจะได้เจอในเมืองของผม  ใจนึงก็คิดว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดี.. แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง..  เป้าหมายของผมคือ..  ปลายด้ายสีแดง...  .....และแล้วผมก็ได้เพื่อนร่วมเดินทาง.. เมื่อวันนึงผมพบกันผู้หญิงที่ตามหาปลายอีกด้านนึงของด้ายแดงเหมือนกัน..   แต่เธอคงไม่ใช่ปลายด้ายแดงของผมหรอก.. เพราะด้ายแดงของผมยังไปอีกไกล...   .....เราพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ   และก็ไม่ได้เป็นการพบกันที่ทำให้ผมพอใจมากนัก..  บอกตรงๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคของผมเลย..  แถมเราทะเลาะกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก   แต่เราก็ร่วมเดินทางด้วยกัน   เพราะด้ายสีแดงของเธอกับของผมมันไปทางเดียวกันน่ะสิ.  .....ก็ยังดีนะ  ที่ผมไม่ได้เดินทางคนเดียว อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทาง ที่เห็นและตามหาปลายอีกข้างนึงของด้ายแดงเหมือนกัน..  ....การเดินทางร่วมกันของเราทำให้ ผมเห็นตัวจริงของผู้หญิงคนนี้มากขึ้น.. เป็นตัวจริงที่น่าเคารพ น่าให้เกียรติในฐานะผู้หญิงคนนึง.. จะว่าไปเธอก็นิสัยดีนะ ตอนที่ทะเลาะกันครั้งแรกคงเป็นการเข้าใจผิดซะมากกว่า ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอเริ่มดีมากขึ้นเรื่อยๆ.. มีอยู่ครั้งนึงที่ผมคิดว่าถ้าปลายด้ายแดงอีกข้างนึงของผม ไปหยุดอยู่ที่นิ้วก้อยของเธอก็คงจะดี.. มันก็ไม่แน่นะ.. ถ้าเป็นจริงผมก็คงมีความสุข.. แต่ถ้าไม่ใช่ .. ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นผู้หญิงที่วิเศษกว่าเธอคนนี้แน่ๆ .. ยิ่งผมได้รู้ว่าเพื่อนร่วมเดินทางของผมเป็นผู้หญิงที่วิเศษเพียงใด ผมก็ยิ่งอยากให้ผมเจอปลายด้ายแดงของผมไวๆ .. ผู้หญิงที่ดีกว่าผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นเนื้อคู่ของผมจะเป็นยังไงน๊า.. นานขนาดไหนก็ไม่รู้ที่เราร่วมเดินทางด้วยกัน..   ผมยอมรับว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ดีที่สุด...   เราช่วยเหลือกันมาตลอด.. แต่มันก็คงจะสิ้นสุดแล้วล่ะ..  เพราะด้ายแดงของผมกับเธอ มันแยกกัน..  ตรงทางแยกพอดี..  ด้ายของผมแยกไปทางขวา..  มุ่งสู่เมืองบนยอดเขา ซึ่งผมเชื่อว่าคงเป็นปลายด้ายของผมแล้วล่ะ .. เพราะเมืองนี้อยู่ยอดเขาพอดี.. ส่วนของเธอแยกออกไปที่เมืองข้างล่าง.. เรายืนคุยกันตรงทางแยกซักพักนึง  เพื่อกล่าวคำอำลาและแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน เราจะได้เจอจุดหมายของเราซักที.. ข้อตกลงสุดท้ายของเราก่อนจะแยกจากกันคือ เราจะกลับมาเจอกันที่ตรงทางแยกนี้ ไม่ว่าจะเจอ หรือไม่เจอปลายด้ายแดงก็ตาม..  เราตกลงกันตามนี้.. แล้วเราก็แยกทางกัน.... ผมรู้สึกแปลกๆ    ที่ต้องกลับมาเดินทางคนเดียว ทำให้ผมไม่ดีใจมากนักที่รู้ว่า  ปลายด้ายของผมจะไปสุดตรงที่เมืองตรงยอดเขา  ผมเดินแยกจากเธอไปช้าๆ..ในหัวมีแต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนที่เราเดินทางด้วยกัน.. ควาประทับใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง.. ความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กัน.. และแล้วผมก็หยุดเดิน ..หยุดห่างจากทางแยกไม่ไกลเท่าไหร่.. แล้วผมก็วิ่งกลับไปยังทางแยกนั้นอีกครั้ง..ไม่มีเหตุผลที่ผมทำแบบนี้เลย... แต่ก็ทำ ผมกลับไปถึงทางแยกนั้นอีกครั้ง... ซึ่งเธอก็นั่งอยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว.. เรานั่งคุยกันซักพัก..   ผมบอกเธอไปว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงกลับมา.. ส่วนเธอ.. เธอบอกว่าเธอกลัว.. กลัวว่าจะไม่มีใครตรงปลายด้ายแดงของเธอ   แล้วเธอก็ร้องไห้..   เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอร้องไห้.. สิ่งที่ผมภูมิใจมากกว่าตัดสินใจการออกเดินทางตามหาคู่ชีวิตของผม คือการตัดสินใจครั้งนี้แหละ.. ผมเช็ดน้ำตาให้เธอ ..แล้ว ตัดด้ายแดงของผม และเธอออก แล้วผูกเข้าด้วยกัน... ผมไม่รู้หรอกว่าเธอจะโกรธผมรึเปล่าที่ผมทำแบบนี้..


อยากจะถามเธออยู่หรอก  แต่เธอก็ร้องไห้ไม่หยุด..  และกำลังกอดผมอยู่...

เป็นยังไงบ้างล่ะ อ่านแล้วซึ้งกันไหม สุดท้ายนี้ เนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก ขอให้คู่รักทุกคู่มีความสุขกันมากๆ และรักกันนานๆ ใครที่ยังไม่มีคู่ก็ขอให้โดนกามเทพชักพาให้พบกับคู่แท้ในเร็ววันนี้นะจ๊ะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ๊ะ

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ผัก ผลไม้ต้านโรคมะเร็ง

มะเร็ง เนื้องอกร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายในปัจจุบันนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสารพิษจากสิ่งแวกล้อม หรือจากการบริโภคอาหาร ดังนั้นเพื่อเป็นการหนีจากโรคร้ายนี้และเสริมสร้างสุขภาพไปในตัว จึงควรจำกัดอาหารประเภทที่มีคลอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากมีการพบว่า มะเร็งในลำไส้ใหญ่มักเกิดในกลุ่มของผู้ทานอาหารปีะเภทนี้เป็นเวลานาน และควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง รมควัน ที่ก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร และหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพราะผักและผลไม้เหล่านี้มีสารอนุมูลอิสระช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ ดังนั้นวันนี้ สวนหรรษาขอนำเสนอประเภทของผักผลไม่ที่ช่วยต้านมะเร็งได้ เราไปดูกันเลยดีกว่า


1.พืชตระกูลกระหล่ำ เช่น กระกล่ำปลี ดอกกระหล่ำ ผักกาดขาว หัวผักกาด บล็อคโคลี เป็นต้น

การป้องกันมะเร็ง

  • ต้นอนุมูลอิสระ
  • ดูดซับสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง
  • ต้านการอักเสบและเพิ่มภูมิคุ้มกัน
  • ปกป้องเซลล์จากรังสีอุลตร้าไวโอเลต
  • ช่วยการไหลเวียนของเลือด
  • ลดคลอเรสเตอรอล

การลดความเสี่ยง

  • ผู้ที่รับประทานพืชตะกูลกระหล่ำเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

2.พืชตระกูลหอม - กระเที่ยม เช่น กระเทียม หอมใหญ่ หอมแดง ผักกุยช่าย ต้นหอม เป็นต้น

การป้องกันมะเร็ง

  • กระตุ้นเอนไซม์ในการทำลายพิษ
  • ยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็ง
  • ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
  • ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน

การลดความเสี่ยง

  • ผู้ที่รับประทานพืชตะกูลหอม-กระเทียมเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่


3. ผักผลไม้ที่มีสารไลโคปีน เช่น องุ่น มะเขือเทศ แตงโม และสตรอเบอรี่ เป็นต้น


การป้องกันมะเร็ง

  • กระตุ้นเอนไซม์ในการทำลายพิษ
  • ยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็ง
  • ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
  • ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน

การลดความเสี่ยง

  • ผู้ที่รับประทานผักผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารไลโคปีนเป็นประจำเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น

4. ผักผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้มชนิดต่างๆ มะกรูด มะนาว เป็นต้น

การป้องกันมะเร็ง

  • ต้านการอักเสบ
  • ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
  • ต้านอนุมูลอิสระ
  • ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
  • กระตุ้นเอนไซม์ทำลายพิษสารก่อมะเร็ง

การลดความเสี่ยง

  • ผู้ที่รับประทานผักผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม  มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันโรคอื่นๆ เช่น โณคลักปิกลักเปิด และลดการสร้างคลอเลสเตอรอล เป็นต้น

5. ถั่วเหลือง นอกจากถั่งเหลืองแล้ว ยังรวมผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง เป็นต้น

การป้องกันมะเร็ง
  • ต้านอนุมูลอิสระ
  • ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ เป็นต้น

การลดความเสี่ยง

  • ผู้ที่รับประทานถั่งเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งเต้านม  มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด มะเร็งต่อลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น


เห็นไหมครับว่า ผักผลไม้พวกนี้มีประโยชน์ขนาดไหน ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคมะเร็ง เราควรลดอาหารพวกคลอเลสเตอรอลสูง และหันมารับประทานผักและผลไม้มากขึ้น เพื่อสุขภาพดี ชีวีมีสุขนะครับ

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

งานราชการวันนี้: รับสมัครเข้ารับราชการ


หน่วยงาน: สำนักงานศาลยุติธรรม (รับสมัครออนไลน์)

ระยะเวลา: วันที่ 3 -21 มิถุนายน 2556


ตำแหน่ง
  1. นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ (ปริญญาโท) 2 ตำแหน่ง



-----------------------------------------------------------------


หน่วยงาน: สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ระยะเวลา: วันที่ 12 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2556


ตำแหน่ง
  1. นักสืบสวนสอบสวนปฏิบัติการ จำนวน 20 อัตรา


เว็บไซต์: http://amlo.thaijobjob.com/


-----------------------------------------------------------------

หน่วยงาน: กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

ระยะเวลา: วันที่ 25 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตำแหน่ง

  1. นักวิเคราะหนโยบายและแผนปฏิบัติการ (ตําแหนงที่ 1.1)
  2. วิศวกรปฏิบัติการ
  3. นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ
  4. ตําแหนง นักวิทยาศาสตรปฏิบัติการ
  5. วิศวกรโยธาปฏิบัติการ
  6. วิศวกรเครื่องกลปฏิบัติการ
  7.  เจาพนักงานธุรการปฏิบัติงาน

เว็บไซต์: www.dede.go.th/


-----------------------------------------------------------------

หน่วยงาน: สำนักงานศาลปกครอง


ระยะเวลา: วันที่ 3 -21 มิถุนายน 2556 

ตำแหน่ง
  1. นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ


-----------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

ช่องว่างระหว่างทาง: MaChoman

เมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีโอกาสได้ฟังเพลงของศิลปินน้องใหม่ วง MaChoman ซึ่งเป็นวงที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนๆที่มีความรักในดนตรีเหมือนๆกัน ร่วมกันสานฝันตามเส้นทางของสายดนตรี โดยตอนนี้ได้ออกซิงเกิลแรกออกมาแล้ว ชื่อว่า ช่องว่างระหว่างทาง โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ช่องว่างระหว่างคน 2 คนที่ยากที่จะเติมให้เต็ม ยังไงสวนหรรษา ก็ขอแนะนำให้เพื่อนๆลองไปฟังดูนะครับ คาดว่าคงโดนใจหลายๆคนไปไม่น้อยเลยทีเดียว


ช่องว่างระหว่างทาง

ศิลปิน: MaChoman

ระหว่างทางเดินชีวิตคน ต้องมีขวากหนามให้ฟันฝ่า
สู้ทนดิ้นรนกันไป ทั้งเธอและฉัน แ­ละใครต่อใคร
ระหว่างทางเดินรักของเรา ฉันยังมีเขาต้องฟันฝ่า
ข้ามผ่านกำแพงเวลา ของเธอกับเขา ที่มันยังแสนนาน
*ตลอดเวลาในสายตา บ่งบอกให้ฉันเข้าใจ
ว่าไม่มีทางเข้าไปข้างในนั้น
มันเจ็บจนไม่อยากหายใจ เมื่อได้รับรู้เรื่องราว
ว่าเธอยังเว้นช่องว่างเพื่อให้ก­ับเขา
**ฉันจะทำอย่างไร เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง
ทุกข์และทนเท่าไร ทำไปก็ยังเท่าเดิ
 ***แล้วจะเป็นอย่างไร ช่องว่างระหว่างความรักสองเรา
เขาคืนมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องจบ ใช่ไหม
ระหว่างทางเดินรักของเธอ ก็ยังคอยเขาไว้คืนกลับ
มองผ่านความจริง ที่เขาได้เคยทำร้ายให้เธอต้องเสียใจ
(*)(**)(***)
เดินบนทางแสนไกล บนทางมืดมนกับความเหน็บหนาว
ยังคงหวังสักวันจะได้เจอ อะไรคือความรักแท้
(จะไม่มีทาง ไม่มีทาง รักเธอที่มอบให้กับเขา) (**)(***)
เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ทุกข์และทนเท่าไร ทำไปก็ยังเท่าเดิม
แล้วจะเป็นอย่างไร ช่องว่างระหว่างความรักสองเรา
เขาคืนมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องจบ ใช่ไหม